เส้นทางสู่ทะเลเหนืออย่าง “เกาะฮอกไกโด” ตั้งอยู่บนสุดของแผนที่ประเทศญี่ปุ่น มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเกาะฮอนชู มีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา อากาศเลยเย็นสบายตลอดทั้งปีและมีหิมะปกคลุมไปทั่วเป็นเวลาหลายเดือน ทั้งนี้ สามารถเดินทางจากประเทศไทยบินตรงจากกรุงเทพฯ ถึงสนามบินนิวชิโตเซะบนเกาะฮอกไกโด ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองซัปโปโรซึ่งเป็นเมืองหลักที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเป็นระยะทางราว 45 กิโลเมตร หากใช้รถไฟ JR เดินทางเข้าเมืองเพียงครู่เดียวก็จะพบกับโลกอีกด้านที่อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมแห่งความสนุก และไม่ว่าจะแอดเวนเจอร์แค่ไหน ประกันเดินทางจากชับบ์ก็คุ้มครองครบตลอดทั้งทริป พร้อมดูแลคุณในฮอกไกโดกับทุกเหตุการณ์ฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
1.พายเรือคายัคในทะเลสาบชิโกะซึ (Lake Shikotsu) : เริ่มต้นทริปด้วยการออกแรงพายเรือคายัคชมความงามของผืนน้ำใสแจ๋วกันที่ทะเลสาบชิโกะซึ วางแพลนเมื่อไหร่ก็ไปได้ทุกฤดูเพราะทะเลสาบแห่งนี้ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาไฟ 3 แห่ง ผิวน้ำเลยไม่เปลี่ยนเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว เก็บภาพความประทับใจได้แบบเต็มที่ พร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศกว้างไกลสุดสายตา ทั้งนี้ อุปกรณ์และเส้นทางผจญภัยจะถูกกำหนดโดยเจ้าหน้าที่ของอุทยาน จึงมั่นใจได้เลยว่าคุณจะสนุกสนานได้อย่างปลอดภัย
2.แช่ออนเซ็น และชมเทศกาลหุบเขานรก : โนโบริเบ็ทสึ (Noboribetsu) จัดว่าเป็นหัวใจแห่งน้ำพุร้อนของเกาะฮอกไกโด ที่นี่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นจึงกลายเป็นแหล่งออนเซ็นชั้นเลิศ ที่สามารถลงแช่ท่ามกลางบรรยากาศของขุนเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน และด้วยกลิ่นกำมะถันที่คละคลุ้งกับไอน้ำร้อน ๆ ฟุ้งตลอดทั้งปี จึงกลายเป็นความเชื่อว่าเมืองแห่งนี้ถูกปกครองโดยปีศาจ ถึงกับมี ‘เทศกาลแห่งนรก’ ที่จะมีการตีกลองโนโบริเบ็ทสึไทโกะ และขบวนแห่เอ็นมะบนถนนโกกูรากุในเมืองออนเซ็น ซึ่งจัดขึ้นเพียงปีละครั้งในช่วงเดือนสิงหาคม
3.เล่นสกี สโนว์บอร์ด และสุนัขลากเลื่อน : เจอหิมะละเอียดเหมือนปุยนุ่นทั้งทีต้องได้ลองเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ดดูสักครั้ง เพราะที่ฮอกไกโดเต็มไปด้วยแหล่งเล่นสกีที่สวยงาม โดยเฉพาะที่รุซุสึ (Rusutsu) และที่นิเซโกะ (Niseko) ซึ่งจัดเป็นลานสกีชื่อดังของจังหวัด หรือจะเลือกท่องทุ่งหิมะด้วยความแอดวานซ์ขึ้นมาอีกขั้นกับการขี่เลื่อนที่ลากโดยสุนัข ก็น่าตื่นตาตื่นใจ ประสบการณ์แปลกใหม่แบบนี้มีให้สัมผัสได้ที่ฟุราโนะ (Furano) ช่วงฤดูหนาวตั้งแต่ปลายปีไปจนถึงเดือนมีนาคม
4.ล่องเรือคลองโอตารุ : ไฮไลท์ของโอตารุ (Otaru) คือการล่องเรือชมความสวยงามของทิวทัศน์สองฝั่งคลองที่ไหลผ่านใจกลางเมืองเก่า เรือจะเริ่มล่องจากสะพานจูโอ จากนั้นจะล่องไปยังคลองฝั่งใต้ ผ่านท่าเรือโอตารุ ซึ่งเป็นท่าเทียบเรือเก่าแก่และมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ต่อไปยังคลองฝั่งเหนือสัมผัสกลิ่นอายย่านตึกโบราณ ใช้เวลาประมาณ 40 นาที เลือกเวลาล่องเรือกินลมได้ทั้งกลางวัน หรือจะชมบรรยากาศของแสงไฟสีส้มยามค่ำคืน อาคารที่เคยเป็นโกดังสินค้าปัจจุบันถูกเปลี่ยนมาเป็นร้านอาหารและพลาซ่า เอาเป็นว่าไปเมื่อไหร่ก็คึกคักตลอดเวลา
5.ขึ้นกระเช้าลอยฟ้าที่ฮาโกดาเตะ : ท่านที่เดินทางมาเที่ยวฮาโกดาเตะ (Hakodate) เพื่อชมความงามของเมือง ต้องไม่พลาดที่จะขึ้นกระเช้าลอยฟ้าไปบนจุดชมวิว 3 ชั้นที่อยู่บนยอดเขา ใช้เวลาประมาณ 3 นาทีก็ถึงปลายทาง การันตีว่าวิวดีไม่มีที่ติโดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ตกดินไปจนถึงช่วงหัวค่ำ ที่จะได้เห็นแสงไฟจากเมืองเป็นเส้นโค้งระหว่างช่องแคบสึงารุและท่าเรือฮาโกดาเตะ จากจุดนี้ให้คะแนนความโรแมนติกเต็มร้อย
6.ตกปลาวะคะซะงิจากหลุมน้ำแข็ง : อุณหภูมิที่ลดต่ำลงอย่างมากของที่นี่ทำให้ผิวน้ำของทะเลสาบอาบาชิริ (Lake Abashiri) กลายเป็นผืนน้ำแข็งหนา ชนิดที่สามารถขึ้นไปตั้งแคมป์กันได้แบบสบาย ๆ การตกปลาวะคะซะงิที่ว่ายน้ำอยู่ใต้ผืนน้ำแข็งไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องอาศัยประสบการณ์จากผู้รู้ ในฐานะนักท่องเที่ยวแนะนำให้ติดต่อไกด์ไว้ล่วงหน้าเพราะเขาจะช่วยเตรียมอุปกรณ์คันเบ็ด พร้อมกับเจาะรูบนพื้นน้ำแข็งและสอนวิธีตกปลา ไปจนถึงนำปลาที่ตกได้มาทำเทมปุระให้คุณแบบเสร็จสรรพ ช่วงเวลาที่เริ่มหย่อนเบ็ดได้คือตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม ไปจนถึงกลางเดือนมีนาคมเลย
7.ปาบอลหิมะ : เอาใจคนชอบอากาศเย็นกับกิจกรรมปาหิมะ ที่เลือกสนุกได้ทั้งแบบง่าย ๆ ทุกเพศทุกวัย หรือจะเป็นรูปแบบจริงจังตามแบบฉบับฮอกไกโด เพราะที่นี่เขามีการจัดการแข่งขันปาหิมะแบบจริงจังในงานประจำปี ‘ยูกิกัสเซน’ (Yukigassen) หรือที่เรียกว่า ‘เทศกาลปาหิมะนานาชาติ’ ทั้งกติกาการแข่งขันและมารยาทร่วมเกม เป็นเรื่องเป็นราวจนได้รับการรับรองจากนานาชาติ จัดขึ้นที่เมืองโชวะชินซัน (Showa Shinzan) ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์เป็นประจำทุกปี
8.เทศกาลกระท่อมหิมะ : ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่หิมะกำลังขาวโพลนได้ที่ ชาวเมืองจะช่วยกันสร้างกระท่อมน้ำแข็งเล็ก ๆ หลายร้อยหลัง สำหรับวางแท่นบูชาเทพเจ้าแห่งสายน้ำ จุดเทียนสว่างไสวไปทั่วบริเวณเพื่อขอให้น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ สืบทอดเทศกาลโยโคเตะคามาคูระมากว่า 400 ปี อีกมุมยังมีกระท่อมหิมะขนาดใหญ่ พอสำหรับผู้ใหญ่เข้าไปนั่งด้านในได้ 3-4 คน ให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มสาเกแบบชิลล์ๆ พร้อมกับรับประทานโมจิอุ่น ๆ เหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของการสืบทอดประเพณีที่มีมาอย่างยาวนาน
9.ขึ้นเรือตัดน้ำแข็ง : เพราะฮอกไกโดอยู่ทางทิศใต้ของขั้วโลกเหนือ ช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม เลยมีปรากฏการณ์ธารน้ำแข็งที่ไหลมาจากไซบีเรียผ่านทะเลโอค็อตสค์ (The Sea of Okhotsk) มาลอยอยู่เหนือผิวทะเลโอะโฮสึคุ (Ohōtsuku) ให้ได้ล่องเรือไปชมกันแบบใกล้ชิด ตั้งแต่แผ่นกระจิดริดไปจนขนาดมหึมากว่าตัวคนหลายเท่า เริ่มต้นขึ้นเรือเที่ยวพิเศษได้ที่ท่าเรือตัดหิมะในเมืองอะบะชิริ (Abashiri)และเมืองมอมเบทสึ (Mombetsu) ตลอดการล่องเรือจะได้ยินเสียงน้ำแข็งที่ถูกเจ้าเรือยักษ์กระแทกตัดออกเป็นเสี่ยง ๆ กลายเป็นเสียงที่สร้างความสนุกสนาน ถ้าโชคดีอาจได้เห็นสัตว์จากทะเลฝั่งตอนเหนืออย่างเจ้าแมวน้ำลายจุดด้วย
เที่ยวฮอกไกโด เดือนไหนดี?
อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีทำให้ฮอกไกโดเป็นเมืองขายดีในทุกซีซั่น ไฮไลท์อยู่ที่ฤดูหนาวของที่นี่จะเต็มไปด้วยหิมะขาวและความหนาวเย็น ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนมีนาคม และหนาวมากเป็นพิเศษประมาณเดือนมกราคม ซึ่งอุณหภูมิอาจจะลงไปอยู่ต่ำกว่า -10 องศา เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม จะเปลี่ยนเป็นฤดูใบไม้ผลิที่เต็มไปด้วยดอกซากุระเบ่งบานไปทั่วเมือง
เพราะความโดดเด่นของเมืองท่องเที่ยวฮอกไกโดคือกิจกรรมที่เน้นการผจญภัยสุดขั้วในฤดูหนาว จึงจำเป็นต้องพร้อมรับมือกับทุกเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันทั้งการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวจัดประกันเดินทางจากชับบ์พร้อมสร้างความอุ่นใจให้คุณและเลือกแผนประกันการเดินทางต่างประเทศที่เหมาะสมกับกิจกรรมในทริป และไม่ว่าเลือกแผนคุ้มครองแบบไหนก็พร้อมช่วยเหลือดูแลคุณไปตลอดการเดินทาง
สนใจประกันภัยการเดินทาง โทร. 0 2611 4242