
สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษราวกับได้ไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ในแดนอาทิตย์อุทัย คามิโคจิ (Kamikochi) ดินแดนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "เทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่น" (Japanese Alps) สถานที่ท่องเที่ยวในฝันของใครหลายคน ด้วยความสวยงามของธรรมชาติ ทั้งภูเขาสูงตระหง่าน ทะเลสาบสีมรกต ผืนป่าเขียวขจี อากาศบริสุทธิ์ และเส้นทางเดินป่าที่สวยงามราวภาพฝัน ทำให้นาทีนี้คามิโคจิแห่งเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) ประเทศญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ชับบ์ รวม 5 สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดเมื่อไปเที่ยวคามิโคจิมาเป็นไอเดียให้คุณ
ด้วยความที่เจแปนแอลป์เป็นเส้นทางธรรมชาติที่มีความอันตรายอยู่บ้างในการเดินป่า อย่าลืมซื้อประกันการเดินทางของชับบ์ (Chubb Travel Insurance) ไปด้วยเพื่อความอุ่นใจ จะทริปไหน ๆ เราก็พร้อมดูแลคุณอย่างดีที่สุดเสมอ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปลุยคามิโคจิกันได้เลย
คามิโคจิ (Kamikochi) เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่บนความสูงราว 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ในจังหวัดนากาโนะ ประเทศญี่ปุ่น (ระหว่างเมืองมัตสึโมโตะและเมืองทาคายามะ) ย้อนกลับไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน คามิโคจิเคยเป็นที่อยู่ของชนพื้นเมืองและเส้นทางแสวงบุญของนักบวชชาวญี่ปุ่น ก่อนจะเริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายในยุคเอโดะ (Edo Era) เมื่อนักเดินทางและนักปราชญ์ต่างก็เริ่มเข้ามาสำรวจและบันทึกความงดงามของธรรมชาติในดินแดนแห่งนี้ ชื่อเสียงของคามิโคจิเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นในช่วงหลังการปฏิวัติเมจิ (Meiji Restoration) สถานที่แห่งนี้ได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างจริงจัง มีการสร้างเส้นทางเดินป่าและที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวจนได้รับความนิยมอย่างมากจนถึงปัจจุบัน
ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่า คามิโคจิเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่สถิตของเทพเจ้าแห่งภูเขาและสายน้ำ มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับแม่น้ำอะซูสะ (Azusa River) ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญในคามิโคจิว่า แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เกิดจากน้ำตาของเทพธิดาที่เสียใจกับการจากไปของคนรัก นอกจากนี้ ชาวเมืองยังเชื่อด้วยว่า ธรรมชาติอันงดงามในคามิโคจิมีความศักดิ์สิทธิ์และมีพลังในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างมหัศจรรย์
ท่ามกลางทัศนียภาพอันงดงามของคามิโคจิที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ในฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้บานสะพรั่งเต็มผืนป่า ฤดูร้อนที่เขียวขจี ฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี และฤดูหนาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ความสวยงามราวภาพวาดของคามิโคจิเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติในหลายยุคสมัย ภูเขาและแม่น้ำสีเขียวมรกตซึ่งเกิดจากการลายของธารน้ำแข็งอายุกว่าพันปี รวมถึงแผ่นดินไหวและการปะทุครั้งใหญ่ของภูเขาไฟยาเกะดาเกะ (Mt. Yakedake) ที่เปลี่ยนแปลงเส้นทางของแม่น้ำอาซูสะ (Azusa River) ให้ไหลผ่านคามิโคจิและเมืองมัตสึโมโตะ ทั้งยังเป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นเพียงแห่งเดียวในเจแปนแอลป์ ที่ยังคงส่งเสียงคำรามและพ่นควันขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน คามิโคจิได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เจ้าของฉายาเทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่นได้รับความนิยมสูงสุดในปี ค.ศ. 2016 ช่วงเวลาที่คามิโคจิและเมืองมัตสึโมโตะได้รับเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองวันแห่งภูเขาที่เรียกว่า “Yama no Hi” เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2016 ซึ่งตรงกับวันหยุดประจำชาติของญี่ปุ่นพอดี เพื่อระลึกถึงภูเขาและธรรมชาติ ทั้งยังแสดงถึงอนาคตอันสดใสของ ‘คามิโคจิ’ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบตลอดกาล
จุดชมวิวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในคามิโคจิ บึงน้ำสีมรกตที่ใสราวกับกระจกสะท้อนภาพของภูเขาและผืนป่าสีเขียวขจีแห่งนี้ เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟยาเกะ (Mount Yake) หรือยาเกดาเกะ (Mt. Yakedake) ซึ่งแปลว่า "ภูเขาที่ยังคงลุกไหม้" เป็นภูเขาไฟที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ในเทือกเขาฮิดะ (ตั้งอยู่ระหว่างเมืองมัตสึโมโตะ จังหวัดนากาโนะ และเมืองทากายามะ จังหวัดกิฟุ) ยาเกะเป็นหนึ่งใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น โดยมียอดเขาที่สูงที่สุดคือ 2,455 เมตร
หลังจากเหตุการณ์ภูเขาไฟยาเกะปะทุและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี ค.ศ.1915 ทำให้เกิดการสไลด์ของผืนดินและปิดกั้นแม่น้ำอาซูสะ (Azusa River) จนเกิดเป็นบึงสีมรกตขนาดใหญ่ขึ้นมา โดยคำว่า ‘ไทโช’ ตั้งชื่อตามยุคสมัยของญี่ปุ่น ณ ช่วงเวลานั้น (ระหว่างปี ค.ศ.1912-1926) ด้วยทัศนียภาพอันสวยงามท่ามกลางหมอกขาวในยามเช้า มีฉากหลังเป็นความยิ่งใหญ่ของภูเขาไฟยาเกะและภูเขาโฮทากะ (Mount Hotaka) อันยิ่งใหญ่ที่สะท้อนเงาบนผิวน้ำราวกับภาพวาด ทะเลสาบไทโชจึงเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในคามิโคจิ
แลนด์มาร์กที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในคามิโคจิคงหนีไม่พ้น “สะพานคัปปะ” สะพานไม้เล็ก ๆ ข้ามแม่น้ำอาซูสะที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของคามิโคจิ สะพานแห่งนี้มีความโดดเด่นทั้งในแง่ของสถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายและเชื่อมโยงกับเรื่องเล่าประจำท้องถิ่น ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งนวนิยายเรื่อง “กัปปะ” (Kappa) ของริวโนะสุเกะ อะคุตะกาวะ (Ryunosuke Akutagawa) ในปี ค.ศ. 1927 ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอกที่เดินทางไปเที่ยวคามิโคจิ แต่กลับหลงเข้าไปในดินแดนสุดลึกลับของกัปปะ เผ่าปีศาจแม่น้ำที่แปลกประหลาดและมีชื่อเสียงอย่างมากในนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น
แรกทีเดียวสะพานกัปปะเป็นสะพานชักที่ทำจากไม้ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสะพานแขวนในปี ค.ศ. 1997 ดังที่เห็นในปัจจุบัน สะพานกัปปะเป็นจุดชมวิวอันงดงามตระการตาที่มีฉากหลังเป็นเทือกเขาโฮทากะ (หนึ่งใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น มีความสูง 3,190 เมตร) และอีกฟากเป็นภูเขาไฟยาเกะที่ยังคงพ่นไอความร้อนสีขาวราวปุยเมฆขึ้นไปบนท้องฟ้า มีเรื่องเล่ากันว่า การข้ามสะพานแห่งนี้จะช่วยคุ้มครองไม่ให้คัปปะดึงผู้คนให้จมลงไปในแม่น้ำโดยเฉพาะเด็กผู้ชาย (ปีศาจในตำนานพื้นบ้านของญี่ปุ่นที่มีลักษณะคล้ายเต่า มีเปลือกแข็งบนหลังและมีจานวางอยู่บนหัว) จึงมีการตั้งชื่อสะพานแห่งนี้เพื่อเตือนให้ชาวเมืองระวังคัปปะนั่นเอง อีกทั้งชื่อของสะพานยังบ่งบอกถึงการให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมท้องถิ่นของชาวญี่ปุ่นอีกด้วย
แม่น้ำที่ใสสะอาดบริสุทธิ์แห่งนี้มีความยาว 65 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในแม่น้ำสายสำคัญของญี่ปุ่นที่มีต้นกำเนิดมาจากภูเขายาริ (Mount Yari) ในเขตอุทยานแห่งชาติ Chūbu-Sangaku ทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติของญี่ปุ่น (Japan's National Cultural Assets) ท่ามกลางทัศนียภาพอันสวยงามราวสรวงสวรรค์ แม่น้ำแห่งนี้ไหลผ่านเขตคามิโคจิ สะพานคัปปะ บ่อน้ำไทโช และเมืองมัตสึโมโตะ ก่อนจะไหลไปรวมกับแม่น้ำนาราอิ (Narai River) ที่อยู่ใกล้กับเมืองอะซุมิโนะ จังหวัดนากาโนะ กลายเป็นแม่น้ำไซ (Sai River) สาขาที่สำคัญที่สุดของแม่น้ำชินาโนะ (Shinano River) แม่น้ำที่ยาวที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ด้วยความใสสะอาดของแม่น้ำที่ไหลผ่านหนึ่งใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่นหลายแห่ง เช่น ภูเขายาริ ภูเขาโฮตากาดาเกะ และภูเขายาเกะ ทำให้แม่น้ำอาซูสะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของผู้คนที่ชื่นชอบการเดินป่า พายเรือ ตั้งแคมป์ และชื่นชมธรรมชาติอันสวยงามในทุกฤดูกาลของคามิโคจิ
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนคามิโคจิ บึงเมียวจินตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์และเงียบสงบ โอบล้อมด้วยภูเขาโฮทากะอันยิ่งใหญ่ ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่า บึงเมียวจินเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และที่สถิตย์ของเทพเจ้าแห่งสายน้ำ โดยมีสะพานไม้เล็กๆ ที่ชื่อว่า “สะพานเมียวจิน” เป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุด บึงเมียวจินตั้งอยู่ในเขตศาลเจ้าโฮทากะ (Hotake Shine) ศาลเจ้าชินโตที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาหลายยุคสมัย โดยในช่วงปลายเดือนกันยายนของทุกปีชาวเมืองจะจัด ‘เทศกาลเรือ’ (Boat Festival) ขบวนแห่เรือเพื่อแสดงความขอบคุณต่อเทพเจ้าแห่งแม่น้ำอันอุดมสมบูรณ์และชนเผ่าอาซุมิ (Azumi) ชาวเรือที่ทำอาชีพหาปลามาแต่ครั้งโบราณ โดยเทศกาลที่โด่งดังที่สุดถูกจัดขึ้นที่ศาลเจ้าโฮตากะ ในเมืองอะซุมิโนะ
สถานที่ท่องเที่ยวสุด Unseen ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงามของคามิโคจิ บึงทะชิโระเป็นบึงน้ำขนาดเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับบึงเมียวจินที่มีเสน่ห์อย่างมาก ด้วยความเงียบสงบ สดชื่น และความใสสะอาดของสายน้ำ ที่ฉาบฉายภาพท้องฟ้า ผืนป่า และภูเขาน้อยใหญ่ บึงทะชิโระตั้งอยู่บริเวณเส้นทางเดินป่าที่เชื่อมระหว่างสะพานคัปปะและบึงไทโชเข้าด้วยกัน เพื่อให้คุณเพลิดเพลินกับการเดินชมธรรมชาติได้อย่างผ่อนคลายทั้งในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ท่ามกลางดอกไม้ป่าหลากสีสันที่ผลิบานอยู่ตลอดสองข้างทางเพิ่มความมีชีวิตชีวาและสดชื่นสบายตา บึงทะชิโระยังเป็นจุดถ่ายภาพที่สวยงามในช่วงเวลาแสงอาทิตย์สาดส่องกระทบผิวน้ำอีกด้วย หากคุณวางแผนพักค้างคืนที่คามิโคจิควรเพิ่มโปรแกรมเดินป่า เพื่อชื่นชมทัศนยีภาพอันงดงามของบึงทะชิโระเข้าไปแล้วจะตกหลุมรักคามิโคจิมากขึ้น
เพื่อคงความสวยงามและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ คามิโคจิมีกำหนดเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปเยี่ยมชมได้ ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน จนถึง 15 พฤศจิกายนของทุกปี (หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ) โดยในช่วงฤดูหนาวจะปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ เพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นฟูตัวเองและด้วยสภาพอากาศที่หนาวจัดอาจเกิดอุบัติเหตุหรือเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวได้ ช่วงเวลาดังกล่าวทั้งที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้า และรถบัสจะหยุดให้บริการชั่วคราว ดังนั้น หากใครอยากจะไปเที่ยวคามิโคจิ อย่าลืมตรวจสอบกำหนดการเปิดให้เยี่ยมชมได้ที่ >>https://www.alpico.co.jp/
ด้วยความที่คามิโคจิเป็นมรดกทางธรรมชาติที่สำคัญของญี่ปุ่น การจะเดินทางขึ้นไปเที่ยวคามิโคจิจึงมีนโยบายห้ามนำรถยนต์ส่วนบุคคลเข้าไปภายในอุทยาน เพื่อลดมลพิษและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้สวยงามอย่างยั่งยืน คนที่เช่ารถขับจึงต้องจอดรถบริเวณจุดให้บริการเท่านั้น จากนั้นจึงนั่งรถบัสที่มีให้บริการทั้งฝั่งมัตสึโมโตะ โดยคุณสามารถจอดรถที่ สะวันโดะ (Sawando) ส่วนคนที่มาจากฝั่งทาคายามะสามารถจอดรถได้ที่ อะคันดะนะ (Akandana) หลังจากนั้นคุณสามารถเช็คตารางรถบัสไดยังคามิโคจิได้ตามที่นี่
คามิโคจิขึ้นชื่อเรื่องการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ เส้นทางเดินป่า และเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่มีสภาพอากาศหนาวเย็นในบางฤดูกาล ชับบ์ จึงมีเช็คลิสต์เล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากเพื่อเป็นไอเดียในการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนไปเที่ยวคามิโคจิ
แพลนวันหยุดของคุณให้พร้อม แล้วเตรียมออกเดินทางไปเที่ยวคามิโคจิ ประเทศญี่ปุ่นกันได้เลย ที่สำคัญการเดินทางไปท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอาจจะมีเส้นทางบางช่วงที่ต้องอาศัยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ผู้สูงอายุและเด็กเล็กควรได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ ทางที่ดีควรซื้อประกันการเดินทางต่างประเทศของชับบ์ (Chubb Travel Insurance) ไปด้วยเพื่อความอุ่นใจ หากเจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ กระเป๋าสูญหาย หรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ เราก็พร้อมดูแลอย่างดีที่สุด สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02 611 4242 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-20.00 น. เสาร์-อาทิตย์ เวลา 9.00-18.00 น. และบริการสายด่วนฉุกเฉินทั่วโลกตลอด 24/7 โทร. +662 039 5770