สำหรับใครที่กำลังวางแผนว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี มีหลายตัวเลือกอยู่ในใจ แต่เวลาและงบประมาณกลายเป็นข้อจำกัด วันนี้เราคัดเลือกดินแดนที่น่าไปเยือนสักครั้งในชีวิตมาให้แล้วแบบเน้นๆ ที่ไหนดีที่ไหนเด็ดรวมมาให้แล้วทั้ง 12 ประเทศ น่าเที่ยวในยุโรปและเอเชีย!
6 ประเทศน่าเที่ยวในยุโรป
1. กรีนแลนด์ (Greenland) ดินแดนที่อยู่เหนือสุดของโลก ประเทศน่าเที่ยวที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอาร์กติกทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป อากาศหนาวเย็นและมีหิมะขาวโพลนปกคลุมเกือบตลอดปี แม้แต่ใต้พื้นดินก็ยังเป็นน้ำแข็ง แต่หากมาเที่ยวกรีนแลนด์ในช่วงหน้าร้อนก็จะได้เห็นธรรมชาติอันงดงาม ได้ทำกิจกรรมเดินป่า ท่องเที่ยวชมธารน้ำแข็งและอุทยานแห่งชาติต่าง ๆ ถ้ามาช่วงหน้าหนาวก็จะมีโอกาสได้เห็นแสงเหนือ และมีความสุขกับกิจกรรมหน้าหนาวอย่างการล่องเรือกลางทะเลน้ำแข็ง นั่งสุนัขลากเลื่อน กรีนแลนด์จึงถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางในฝันของเหล่าบรรดานักผจญภัย
สถานที่ท่องเที่ยวในกรีนแลนด์
- นุก (Nuuk) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของกรีนแลนด์ มีพื้นที่ประมาณ 690 ตารางกิโลเมตร แม้จะไม่คับคั่งไปด้วยผู้คน แต่เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จึงไม่ต้องกลัวว่าจะเหงาอย่างที่คิด
- อิลูลิชแซต (Ilulissat) เมืองท่องเที่ยวสำคัญที่มีมรดกโลกทางธรรมชาติยิ่งใหญ่อย่าง ธารภูเขาน้ำแข็งอิลูลิชแซต (llulissat Icefjord) ด้วยความยาวกว่า 70 กิโลเมตร
และในฤดูหนาวเมื่อสีขาวของหิมะและภูเขาน้ำแข็งตัดกับสีสันอันสดใสของบ้านเรือนคนท้องถิ่น เราก็จะได้ภาพวิวที่งดงามราวกับหลุดเข้าไปในโลกเทพนิยาย
หากต้องการเดินทางไปกรีนแลนด์ ก็ต้องมีการทำวีซ่าเป็นไปตามขั้นตอนเหมือนกับการไปยื่นวีซ่าเชงเก้นทั่วไป โดยต้องไปทำที่สถานทูตเดนมาร์กเท่านั้น บวกกับค่าครองชีพในกรีนแลนด์นั้นค่อนข้างสูง จึงควรเตรียมงบสำหรับท่องเที่ยวเอาไว้ให้พร้อม เริ่มต้นที่ 100,000 บาท (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน)
2. ไซปรัส(Cyprus) ประเทศน่าเที่ยวที่มีดินแดนหลักเป็นเกาะ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของทวีปยุโรปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เต็มไปด้วยสถานที่เชิงโบราณคดี อาคารบ้านเรือนมีสถาปัตยกรรมแบบกรีกโรมันผสมแบบตุรกีเก่าแก่หลายศตวรรษ และด้วยภูมิประเทศที่เป็นเกาะของไซปรัส สภาพอากาศตลอดปีจึงอบอุ่นสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน มีชายหาดที่รายล้อมด้วยน้ำทะเลสีเขียวฟ้าและรีสอร์ตชั้นเลิศ
ไซปรัสจึงกลายเป็นประเทศที่ผู้คนจากทั่วโลกนิยมมาพักตากอากาศอย่างไม่ต้องสงสัย
สถานที่ท่องเที่ยวในไซปรัส
- นิโคเซีย (Nicosia) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของไซปรัส ตั้งอยู่ใจกลางของเกาะ มีความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม แบ่งเป็นโซนเมืองเก่าที่ล้อมรอบไปด้วยพระราชวัง วิหาร และโบสถ์ ส่วนย่านเมืองใหม่จะมีความทันสมัยเต็มไปด้วยตึกสีสันสดใส คับคั่งไปด้วยแหล่งชอปปิง และสิ่งอำนวยความสะดวก
- ไคเรเนีย (kyrenia) เมืองชายฝั่งที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของไซปรัส มีโบราณสถานอันเก่าแก่ที่สำคัญอยู่รอบเมือง มีท่าเรือขนาดเล็กซึ่งเรียงรายไปด้วยเรือยอชท์และเรือประมงจำนวนมาก อีกทั้งตัวเมืองยังโอบล้อมด้วยเทือกเขา Besparmak และภูเขาน้อยใหญ่ ไคเรเนียจึงเป็นเมืองที่มีทิวทัศน์งดงามที่สุดอีกแห่งของไซปรัส
- โปรทารัส (Protaras) เมืองตากอากาศยอดฮิตที่มีชายหาดชื่อดังอย่าง Fig Tree Bay เหมาะแก่การพักผ่อนย่อนใจ เดินเล่นบนทรายนุ่ม ยามพระอาทิตย์ตกดิน หรือออกสำรวจชายฝั่งตอนใต้เพื่อชมบรรดาถ้ำใต้ทะเลตามหน้าผาหินทราย
ปัจจุบันไซปรัสถูกแบ่งการปกครองออกเป็น 2 ส่วน คือเหนือกับใต้ จึงสามารถเดินทางเข้า-ออกได้ 2 ทาง นักท่องเที่ยวไทยสามารถเข้าฝั่งเหนือได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่าเพราะถือเป็นส่วนหนึ่งของตุรกี แต่ถ้าเข้าฝั่งใต้ต้องใช้วีซ่าไซปรัสหรือวีซ่าเชงเก้นแบบ Multiple Entryในส่วนของค่าใช้จ่ายควรเตรียมงบขั้นต้นไว้ที่ 20,000 - 30,000 บาท (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน)
3. กรีซ (Greece) ประเทศน่าเที่ยวแห่งอารยธรรมกรีกโบราณอันเก่าแก่ อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางในฝันของนักเดินทาง ดื่มด่ำไปกับประวัติศาสตร์และเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมริมชายฝั่งที่สวยงามของทะเลอีเจียน และด้วยสภาพอากาศที่หลากหลาย โดยเมืองทางตอนใต้ที่ติดทะเลจะมีสภาพอากาศอบอุ่นแบบเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนทางตอนเหนือจะมีสภาพอากาศหนาวเย็น มีฝนและหิมะตกในฤดูหนาว ซึ่งฤดูการท่องเที่ยวยอดนิยมของกรีซจะอยู่ในฤดูร้อนคือ เดือนกรกฎาคม – สิงหาคม
สถานที่ท่องเที่ยวในกรีซ
- เอเธนส์ (Athens) เมืองหลวงที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ศิลปะ วัฒนธรรม การเมือง และปรัชญาของตะวันตก มีโบราณสถานเก่าแก่อยู่มากมาย เช่น พาร์เธนอน (Parthenon) วิหารอันโด่งดังที่สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่เทพีแห่งสติปัญญา “อาธีนา”
- ซานโตรินี (Santorini) เมืองตากอากาศทีเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ทางตอนใต้ของทะเลอีเจียน มีจุดเด่นที่สถาปัตยกรรมของบ้านเรือนและอาคารต่าง ๆ ที่ดูแปลกตาและส่วนใหญ่มีสีขาว เมื่อรวมกับฉากหลังที่เป็นท้องฟ้าและน้ำทะเลก็จะได้ภาพทิวทัศน์ที่งดงามอย่างน่าอัศจรรย์ใจ จึงกลายเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับคู่รักที่มาใช้เวลาฮันนีมูนร่วมกัน
- ซาคินทอส (Zakynthos)
หนึ่งในเจ็ดหมู่เกาะของเขตทะเลไอโอเนียนที่เลื่องลือกันว่าเป็นทะเลที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก บนเกาะมีชายหาดชื่อดังอย่าง นาวาจีโอ (Navagio Beach) ซึ่งถูกใช้เป็นฉากหนึ่งในซีรีส์เกาหลีสุดฮิตเรื่อง Descendants of the Sun และยังมีแลนมาร์คเป็นซากเรืออัปปางที่เกยอยู่บนหาดอีกด้วย นักท่องเที่ยวไทยที่ต้องการเดินทางเข้ากรีซนั้นจะต้องมีวีซ่าเชงเก้น โดยสามารถขอได้ที่สถานเอกอัครราชทูตกรีซ และในส่วนของค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยว ควรเตรียมงบขั้นต้นไว้ที่ 30,000 - 40,000 บาท (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน)
4. จอร์เจีย (Georgia) ประเทศน่าเที่ยวที่มีเขตแดนอยู่บริเวณจุดตัดระหว่างเอเชียและยุโรป จึงถูกเรียกว่า “ประเทศสองทวีป” เป็นดินแดนมรดกโลกที่ผสมผสานไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของทั้งสองทวีปได้อย่างงดงาม อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติมากมาย
สถานที่ท่องเที่ยวในจอร์เจีย
- ทบิลิซี (Tbilisi) เมืองหลวงของจอร์เจียที่ยังคงรักษาความเป็นเมืองเก่าเอาไว้ได้เป็นอย่างดี อาคารบ้านเรือนมีการผสมผสานสถาปัตยกรรมในแต่ละยุคสมัยเอาไว้ได้อย่างลงตัว รอบตัวเมืองยังรายล้อมไปด้วยภูเขาสูงมากมาย แลดูกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ถือเป็นภาพวิวที่หาได้ยากจากเมืองหลวงอื่นในยุโรป
- กูเดาริ (Gudauri) เมืองสกีรีสอร์ตบนภูเขา จุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวพลาดไม่ได้ เพราะในฤดูหนาวที่นี่จะกลายสภาพเป็นภูเขาหิมะขนาดใหญ่สูงเหนือระดับน้ำทะเล และสามารถใช้เล่นกีฬาฤดูหนาวได้ทุกรูปแบบ ถือว่าอลังการไม่แพ้เทือกเขาแอลป์เลยทีเดียวเชียว
- บอร์โจมิ (Borjomi) เมืองเล็กแสนเงียบสงบที่มีชื่อเสียงในด้านน้ำแร่ของประเทศ เพราะเป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติ มีที่พักเปิดให้บริการแช่น้ำพุร้อนมากมาย ด้วยอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี หากได้มาเยือนจอร์เจียการได้แช่น้ำร้อนในบอร์โจมิสักครั้งจึงถือเป็นทริปที่พลาดไม่ได้
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวไทยยังสามารถเดินทางเข้าจอร์เจียได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ในส่วนของค่าใช้จ่ายการเดินทางและการใช้ชีวิตก็ไม่แพงอย่างที่คิด โดยค่าเงินของจอร์เจีย 1 ลารีจอร์เจียเท่ากับประมาณ 10.59 บาท หากจัดสรรดี ๆ ด้วยงบ 35,000 บาท (รวมค่าตั๋วเครื่องบิน) ก็ถือว่าอยู่ได้สบายในจอร์เจีย
5.นอร์เวย์ (Norway) อีกหนึ่งประเทศน่าเที่ยวในฝันของนักเดินทางด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันแสนตระการตา อุดมสมบูรณ์ทั้งภูเขา ป่าไม้ และทะเลสาบ และยังเป็นจุดหมายยอดนิยมในการไปดูแสงเหนืออีกด้วย สถาปัตยกรรมของบ้านเมืองยังผสมผสานความทันสมัยและคลาสสิคร่วมกันได้อย่างลงตัว
สถานที่ท่องเที่ยวในนอร์เวย์
- ออสโล (Oslo) เมืองหลวงที่มีสถาปัตยกรรมทั้งเก่าและใหม่ผสมผสานอยู่รวมกันมากมาย เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของผู้ชื่นชอบศิลปะอย่างแท้จริง เพราะมีทั้งพิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่ และโรงละครอยู่ทั่วทั้งเมือง นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารและบาร์ให้ได้เลือกนั่งพักผ่อน เสพย์บรรยากาศของเมืองที่ถูกเรียกว่าปอดของยุโรป
- โลโฟเทน (Lofoten) หมู่เกาะสวรรค์ที่งดงามราวกับเมืองในเทพนิยาย เป็นต้นแบบของเมือง Arendelle ในการ์ตูนดิสนีย์ชื่อดัง Frozen แถมได้รับการยกย่องให้เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในประเทศ
- หมู่บ้านฟรัม (Flåm) หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขาที่อยู่ลึกที่สุดในโลก การเดินทางไปยังหมู่บ้านฟรัมต้องนั่งรถไฟสาย Flåm Railway ซึ่งเป็นทางรถไฟที่เรียกได้ว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ทั้งทิวเขา ทุ่งหญ้าเขียวขจี น้ำตก และแม่น้ำฟลัม ทุกอย่างรวมกันเป็นทัศนียภาพในฝันที่สมบูรณ์แบบ
เช่นเดียวกับการเดินทางเข้าประเทศยุโรปส่วนใหญ่ คนไทยจำเป็นต้องมีวีซ่าเชงเก้น โดยสามารถขอได้ที่สถานเอกอัครราชทูตนอร์เวย์ ในส่วนของค่าใช้จ่ายการเดินทาง เพราะค่าครองชีพถือว่าสูงมาก เรียกได้ว่าสูงสุดในประเทศแถบเดียวกัน ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวจึงต้องเตรียมงบราว 50,000 - 80,000 บาทต่อคน (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน)
6.ฟินแลนด์ (Finland) หนึ่งในประเทศน่าเที่ยวกลุ่มนอร์ดิกที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปยุโรป ใกล้กับสวีเดน นอร์เวย์ และรัสเซีย มีสถาปัตยกรรมอันงดงามและคุณค่าทางประวัติศาสตร์อยู่มากมาย และเป็นประเทศที่มีความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยเพราะมีพื้นที่ป่ามากที่สุดในโลก รวมทั้งทะเลสาบมากกว่าหนึ่งแสนแห่ง และเป็นประเทศที่พลาดไม่ได้สำหรับท่านที่ต้องการได้เห็นแสงเหนือสักครั้ง
สถานที่ท่องเที่ยวในฟินแลนด์
- เฮลซิงกิ (Helsinki) เมืองหลวงที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก มีสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างตะวันตกและตะวันออกอย่างกลมกลืน สามารถเดินเที่ยวรอบเมืองได้ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแต่ละแห่งตั้งกระจายอยู่ไม่ไกลกันนัก เช่น มหาวิหารเฮลซิงกิ โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ และเซเนท สแควร์
- โรวาเนียมิ (Rovaniemi) เมืองที่ขึ้นชื่อว่าหนาวที่สุดในฟินแลนด์ หน้าหนาวจะมีแต่หิมะขาวโพลนปกคลุมท้องถนน บ้านเรือนและต้นสน ในฤดูร้อนจะพบกับปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หาชมได้ยากอย่างพระอาทิตย์เที่ยงคืน หรือพระอาทิตย์ไม่ตกดินเลยกว่า 70 วัน แถมยังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านซานตาครอสที่โด่งดังอีกด้วย
- ทัมเปเร่ (Tampere) เมืองทางตอนใต้ของฟินแลนด์ที่ตั้งอยู่ในจุดบรรจบของทะเลสาบ 2 แห่งอย่าง Näsijärvi และ Pyhäjärvi เรื่องทัศนียภาพจึงไม่เป็นรองเมืองใด ทัมเปเร่ยังเป็นเมืองต้นกำเนิดของ มูมิน (Moomin) ตัวละครขวัญใจเด็ก ๆ จากวรรณกรรมเยาวชนชื่อดังของฟินแลนด์
ใครเป็นแฟนเจ้าโทร์ลน้อยต้องอย่าพลาดการเข้าไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มูมิน (Moomin Museum)
การเดินทางเข้าประเทศฟินแลนด์คนไทยจำเป็นต้องมีวีซ่าเชงเก้น โดยสามารถขอได้ที่สถานเอกอัครราชทูตฟินแลนด์ และค่าใช้จ่ายที่ควรเตรียมไว้สำหรับท่องเที่ยวตลอดทริปฟินแลนด์ ควรเตรียมงบประมาณขั้นต้นไว้ที่ 45,000 - 60,000 บาท (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน)
6 ประเทศน่าเที่ยวในเอเชีย
1. เวียดนาม (Vietnam) ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงน่าเที่ยวไม่แพ้ใครในอาเซียน อีกหนึ่งดินแดนที่มีธรรมชาติอันแสนจะตระการตา ไม่ว่าจะทุ่งนาขั้นบันได ภูเขาเขียวขจี น้ำตกสูง ไปจนถึงหาดทรายขาว ทั้งหมดล้วนแล้วแต่งดงามอย่างน่าอัศจรรย์ และด้วยความคล้ายคลึงกันทางวัฒนธรรม ทั้งเรื่องอาหารการกินและความเป็นอยู่ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง เวียดนามจึงกลายเป็นจุดหมายแรก ๆ ในการเดินทางของหลายท่าน
สถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนาม
- ฮานอย (Ha Noi) เมืองหลวงของเวียดนาม ศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในฮานอยจะมีความเป็นเมืองเก่าแบบเวียดนามผสมกับสถาปัตยกรรมแบบโรมัน ที่ชาวฝรั่งเศสสร้างขึ้นในยุคที่เป็นเจ้าอาณานิคม นักเดินทางที่ต้องการสัมผัสกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ พร้อมเสพย์สถาปัตยกรรมสวย ๆ จึงไม่ควรพลาดการเดินทางไปเที่ยวเมืองอย่างฮานอย
- อ่าวฮาลอง (Ha Long Bay) เป็นอ่าวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ รอบอ่าวมีเกาะหินปูนรูปร่างแปลกตา ตั้งสูงเรียงสลับกับเกาะเล็กขนาดเล็กกว่าพันเกาะ และบนยอดของแต่ละเกาะมีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น
กิจกรรมสำคัญที่ไม่ควรพลาดคือการล่องเรือสำเภาแบบดั้งเดิมผ่านอ่าวฮาลอง
- ซาปา (Sa Pa) เป็นเมืองขนาดเล็กบนเทือกเขาที่สูงตระหง่านเหนือระดับน้ำทะเลถึง 1,650 เมตร จึงทำให้มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เงียบสงบ เหมาะสำหรับนักเดินทางสายชิลล์ ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และนาขั้นบันไดที่ทอดยาวตลอดไหล่เขา จึงเป็นภาพวิวทิวทัศน์ที่งดงามไม่แพ้ที่แห่งใดในโลก
นักท่องเที่ยวไทยยังสามารถเดินทางเข้าเวียดนามได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า โดยสามารถอยู่พำนักได้สูงสุดถึง 30 วัน และในส่วนของค่าครองชีพในเวียดนามนั้นค่อนข้างต่ำ ราคาที่พัก อาหาร เครื่องดื่ม และข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ในเมืองใหญ่ไม่ต่างกับประเทศไทยมากนัก จึงสามารถเตรียมงบไปได้โดยอ้างอิงจากการใช้จ่ายเงินบาท
2.สิงคโปร์ (Singapore) อีกหนึ่งจุดหมายประเทศน่าเที่ยวยอดนิยมที่คนไทยนิยมไปท่องเที่ยวมากที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมา เพราะนอกจากจะเดินทางไม่ไกลแล้ว ที่นี่ยังเป็นศูนย์รวมวัฒนธรรมที่หลากหลาย รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยว แหล่งชอปปิง และอาหารอร่อยมากมาย แม้จะเป็นประเทศขนาดเล็ก แต่ก็เป็นประเทศที่ใครหลายคนอยากลองเดินทางไปสัมผัสสักครั้ง
สถานที่ท่องเที่ยวในสิงคโปร์
- ถนนออร์ชาร์ด (Orchard Road) ย่านชอปปิงที่มีชื่อเสียงที่สุดในสิงคโปร์ มีตั้งแต่ห้างสรรพสินค้าที่หรูหรา ห้างเก่าแก่ที่มีมานานหลายสิบปี หรือห้างใหม่ทันสมัย รวมถึงภัตตาคาร ถนนคนเดิน ร้านค้ามากมายให้สายชอปปิงได้เลือกซื้อของติดไม้ติดมือกลับไป
- สวนเมาท์เฟเบอร์ พาร์ค (Mount Faber Park) เหมาะกับสายธรรมชาติอย่างที่สุด ขึ้นชื่อว่าสวนก็ต้องอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณเขียวขจี มีทิวทัศน์สวยงาม และ Henderson Wave สะพานเดินป่าที่มีสถาปัตยกรรมเป็นเอกลักษณ์พาดผ่านให้ได้เดินชมธรรมชาติ หรือจะนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนเขาเฟเบอร์ก็ได้
- อุทยานธรรมชาติบูกิต บาตก (Bukit Batok Nature Park) โดดเด่นด้วยผาหินที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงบริเวณผืนน้ำอันกว้างใหญ่ ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับผาหินที่เมืองกุ้ยหลิน ประเทศจีน จึงถูกขนานนามว่าเป็น กุ้ยหลินน้อย (Little Guilin) โดยรอบมีทัศนียภาพสวยงามของพืชพรรณเขียวชะอุ่ม ถือเป็นแหล่งนิเวศน์ที่น่ามาเที่ยวชมธรรมชาติอย่างยิ่ง
นักท่องเที่ยวไทยสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวยังประเทศสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าหากพำนักอยู่ในประเทศเป็นเวลาไม่เกิน 30 วัน แต่ต้องลงทะเบียน SG Arrival Card 3 วันก่อนเดินทาง ในส่วนของค่าใช้จ่ายการเดินทางควรเตรียมงบขั้นต้นไว้ที่ 20,000 - 28,000 บาท (รวมค่าตั๋วเครื่องบิน)
3. ญี่ปุ่น (Japan) ขึ้นชื่อว่าประเทศที่ไปเที่ยวครั้งเดียวไม่เคยพอ และยังเป็นประเทศยอดนิยมที่หลายคนมีแผนจะต้องได้ไปสักครั้ง เพราะทั้งสถานที่ ผู้คน วัฒนธรรม ธรรมชาติ หรือแม้แต่อาหาร ก็ล้วนแล้วแต่งดงามและน่าประทับใจ นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังเป็นดินแดนแห่ง Pop-Culture ที่สำคัญ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
- โตเกียว (Tokyo)เมืองหลวงของญี่ปุ่น จัดเป็นเมืองท่องเที่ยวสุดฮิตสำหรับนักเดินทาง เพราะมีสถานที่หลากหลายให้เลือกเที่ยวชมอย่างครบครัน ทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ วัฒนธรรม วัดและศาลเจ้า สวนสนุก แหล่งบันเทิง และแหล่งชอปปิง อีกทั้งการคมนาคมก็ครอบคลุม มีระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบาย
- โอซาก้า (Osaka)เมืองศูนย์กลางของภูมิภาคคันไซ เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าตื่นตา มีกิจกรรมที่หลากหลาย อาหารอร่อยน่าลิ้มลอง อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใคร เป็นอีกเมืองท่องเที่ยวยอดฮิตอีกที่ที่ยืนยันว่าต้องไป
- ฮอกไกโด (Hokkaido)เกาะเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่นพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา จึงมีอากาศหนาวเย็นและมีหิมะปกคลุม หน้าหนาวถือเป็นไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวที่ฮอกไกโด อย่างเช่น เทศกาลหิมะ และการเล่นสกี ส่วนในฤดูใบไม้ผลิมีกิจกรรมชมดอกซากุระบาน แช่ออนเซ็น พร้อมอาหารเลิศรสให้ได้ลองชิม
ปัจจุบันญี่ปุ่นได้เปิดฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวไทยได้เดินทางไปญี่ปุ่นแบบไม่ต้องทำวีซ่าโดยอยู่ได้ไม่เกิน 15 วัน แต่จะต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ Visit Japan Web ก่อนเดินทางอย่างน้อย 6 ชั่วโมง และในส่วนของค่าใช้จ่ายการเดินทางควรเตรียมงบขั้นต้นไว้ที่ 25,000 - 30,000 บาท (รวมค่าตั๋วเครื่องบิน)
4.ฮ่องกง (Hong Kong) ดินแดนแห่งตึกระฟ้าและแสงไฟที่ไม่เคยหลับใหล เมืองที่รอคอยให้นักเดินทางมาค้นพบเสน่ห์ที่มีอยู่ทั่วทุกแห่ง ตั้งแต่ตามตรอกท้องถนน ตลาดที่คับคั่ง ตึกสูงตระการตา ไปจนถึงวัดโบราณ ทุกกิจกรรมการท่องเที่ยวที่คุณมองหา ไม่ว่าจะชมเมือง ชอปปิง อาหารอร่อย ไหว้พระ หรือนั่งชิลล์ธรรมชาติ สามารถค้นพบได้ที่ประเทศนี้
สถานที่ท่องเที่ยวในฮ่องกง
- จิมซาจุ่ย (Tsim Sha Tsui)คือสวรรค์ของบรรดานักช้อป ย่านเศรษฐกิจใจกลางฮ่องกงที่เต็มไปด้วยร้านค้าแบรนด์เนม แผงขายของ และร้านบูติกไม่ซ้ำแบบเรียงรายสุดถนน คึกคักและจอแจไปด้วยนักท่องเที่ยวสายชอป สัมผัสบรรยากาศร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร และร้านขายเครื่องประดับที่แข่งกันเรียกลูกค้าอย่างไม่ขาดสาย
- เกาลูนตะวันตก (West Kowloon)เรียกได้ว่าเป็นย่านแห่งศิลปะวัฒนธรรม และ Street Culture ของฮ่องกง นอกจากมีสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์ เช่น ร้านค้าอาคารบ้านเรือนที่เก่าแก่ หรืองานฝีมือแบบดั้งเดิมเป็นจุดเด่นแล้ว เกาลูนตะวันตกยังเป็นแหล่งศิลปะร่วมสมัย ซึ่งอยู่ร่วมกับศิลปะยุคเก่าได้อย่างลงตัว
ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่นักท่องเที่ยวสายอาร์ตต้องมาเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต
- วัดหวังต้าเซียน (Wong Tai Sin Temple) วัดเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี เป็นที่นิยมในการขอพรเรื่องสุขภาพและการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ อีกทั้งผู้คนให้ความนับถือว่าศักดิ์สิทธิ์และแม่นยำเรื่องเซียมซี แถมยังมีชื่อเสียงในการขอพรเรื่องความรักอีกด้วย เพราะภายในวัดเป็นที่ประดิษฐาน เทพเจ้าด้ายแดง
ที่จะให้พรโดยการผูกด้ายแดงแห่งดวงชะตาระหว่างคู่รักให้ไม่แคล้วคลาดกัน ขอบอกเลยว่านักเดินทางสายมูห้ามพลาด
นักท่องเที่ยวไทยสามารถพำนักในฮ่องกงได้สูงสุด 30 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า และฮ่องกงเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ควรเตรียมงบขั้นต้นไว้ 25,000 - 30,000 บาท (รวมค่าตั๋วเครื่องบิน)
5.เกาหลีใต้ (South Korea) ประเทศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหล ทั้งด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม ไปจนถึงอาหารการกิน ความสวยงามของธรรมชาติในแต่ละฤดูกาลก็มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ เช่น ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนมีนาคม-พฤษภาคม) รับรองว่าท่านจะชื่นชอบและประทับใจในความงดงามของดอกไม้ที่บานสะพรั่ง และวิวทิวทัศน์ของเกาหลียิ่งขึ้น
สถานที่ท่องเที่ยวในเกาหลีใต้
- โซล (Seoul)เมืองหลวงศูนย์กลางของเกาหลีใต้ รวมวัฒนธรรมและ K-Pop Culture ต่าง ๆ ที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศเอาไว้มากมาย มีย่านและแหล่งท่องเที่ยวฮิตที่ต้องไปเช็กอินสักครั้งหากได้ไปเยือน เช่น ฮงแด เมียงดง อิแทวอน และชนซาดง ซึ่งย่านเหล่านี้ถือเป็นแลนด์มาร์คแหล่งร้านค้าสำหรับสายชอปปิง อีกทั้งยังรวมคาเฟ่น่ารักเอาไว้ให้ถ่ายรูปสวย ๆ อีกด้วย
- อินชอน (Incheon)เมืองใหญ่อันดับ 3 ที่พ่วงตำแหน่งเมืองแห่งการคมนาคมที่สำคัญที่สุดในประเทศ เนื่องจากมีท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอย่างสนามบินนานาชาติอินชอน และสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่งที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชม เช่น เกาะกังฮวา แหล่งวัฒนธรรมหนึ่งในมรดกโลก สวนสาธารณะอินชอนที่ล้อมรอบด้วยภูเขา เป็นต้น
- แทกู (Daegu)เมืองใหญ่ที่มีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ และการศึกษาของเกาหลี มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอยู่ทั่วเมือง เช่น อุทยานแทกูดูรยู ซึ่งรวบรวมศิลปะวัฒนธรรมที่ถูกอนุรักษ์มาเป็นเวลายาวนานเอาไว้ นอกจากนี้เมืองแทกูยังมีสวนสนุกขึ้นชื่ออย่าง สวนสนุกอีเวิลด์ (E-World) อีกด้วย
ปัจจุบันประเทศเกาหลีใต้มีระบบใหม่ให้นักท่องเที่ยวใช้ลงทะเบียนยืนยันตัวตนแทนการยื่นขอวีซ่าปกติ โดยชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าเกาหลีต้องสมัครลงทะเบียนผ่านระบบ K-ETA (Electronic Travel Authorization) ล่วงหน้า ในส่วนของค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้แพงอย่างที่หลายคนคิด งบขั้นต้นที่ควรเตรียมจะอยู่ที่ 20,000 - 30,000 บาท (รวมค่าตั๋วเครื่องบิน)
6.ไต้หวัน (Taiwan) หนึ่งในประเทศน้องใหม่ฮิตติดอันดับของนักท่องเที่ยวชาวไทยมาได้สักพัก ด้วยความความลงตัวระหว่างความทันสมัยของบ้านเมือง ธรรมชาติที่สมบูรณ์ และศิลปะวัฒนธรรมอันงดงาม ไต้หวันจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่มีเสน่ห์ไม่แพ้ประเทศอื่นในโลก
สถานที่ท่องเที่ยวในไต้หวัน
- ไทเป (Taipei)เมืองหลวงของไต้หวันที่คับคั่งไปด้วยผู้คน เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่พลาดไม่ได้ เช่น ซีเหมินติง วัดหลงซาน ฟูจินสตรีท และอุทยานนอกเมืองอย่าง อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน ไม่ว่าจะอยากชอปปิง ชมธรรมชาติ หรือศึกษาประวัติศาสตร์ ไทเปได้รวมทั้งหมดไว้ให้ท่านแล้ว
- เจียอี้ (Chiayi)เมืองท่องเที่ยวที่มีเส้นทางรถไฟที่สวยงามอย่างสายอาลีซาน โดยจะแล่นผ่านเส้นทางคดเคี้ยวซึ่งสองข้างทางเป็นทิวทัศน์สวยงามของผืนป่าในเขตอนุรักษ์ หากได้โดยสารรถไฟสายนี้ในยามเช้าตรู่ก็จะมองเห็นทะเลหมอกที่สวยงาม
- ไถหนาน (Tainan)เมืองที่เก่าแก่ที่สุดของเกาะไต้หวัน เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย เริ่มที่ เขตประวัติศาสตร์อันผิง เป็นที่ตั้งของป้อมโบราณอันผิงและอาคารเก่าแก่อีกมากมาย นอกเมืองจะพบกับธรรมชาติอันหลากหลาย เช่น อุทยานแห่งชาติไถเจียง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทางประวัติศาสตร์จำนวนมาก
นักท่องเที่ยวไทยสามารถเดินทางเข้าไต้หวันได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า และอยู่ได้สูงสุด 14 วัน โดยจะมีผลไปจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม ปี 2023 ไต้หวันถือเป็นประเทศน่าเที่ยวที่มีค่าครองชีพไม่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศท่องเที่ยวอื่น ๆ ในทวีปเอเชีย ด้วยงบ 25,000 บาท (รวมค่าตั๋วเครื่องบิน) ก็สามารถท่องเที่ยวได้อย่างสบาย
ข้อมูลอัพเดต: 2 มีนาคม 2566
เคล็ดลับก่อนเดินทางออกต่างประเทศ
ไม่ว่าจะเดินทางไปประเทศไหน การเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทางคือเรื่องสำคัญ คงหมดสนุกแน่หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ไม่ว่าจะก่อนออกเดินทาง หรือระหว่างเดินทาง ดังนั้นการทำประกันภัยการเดินทางต่างประเทศไว้จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามประกันภัยการเดินทางต่างประเทศจากชับบ์เพราะไม่มีเพียงแต่คุ้มครองเรื่องอุบัติเหตุ หรือการเจ็บป่วยขณะอยู่ต่างประเทศ ทางชับบ์ยังให้ความคุ้มครองถึงเรื่องความไม่สะดวกในการเดินทาง เช่น ไฟลท์ดีเลย์ พลาดเที่ยวบิน กระเป๋าเดินทางชำรุดหรือดีเลย์ คุ้มครองข้าวของในบ้านขณะตัวเราไปเที่ยว ปัจจุบันนี้ แผนประกันภัยการเดินทางใหม่จากชับบ์ยังสามารถเลือกซื้อเฉพาะสิ่งที่เราต้องการได้ อุ่นใจ มั่นใจทุกทริป เมื่อมีประกันภัยการเดินทางจากชับบ์
บริการลูกค้าประกันภัยการเดินทาง: 0-2611-4242