
"เวียดนาม" หนึ่งในประเทศใกล้บ้านเราที่เดินทางไปท่องเที่ยวได้ง่าย ข้ามพรมแดนได้แบบผ่านฉลุย เพราะไม่ต้องตรวจโควิด-19 ไม่ต้องแสดงเอกสารการรับวัคซีน และไม่ต้องกักตัว นอกจากอาหารประจำถิ่นที่น่าลิ้มลอง บรรยากาศที่น่าหลงใหล และศิลปะวัฒนธรรมรอคอยให้เราไปสัมผัสแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวให้เลือกหลายรูปแบบตามความชื่นชอบ ทั้งเวียดนามเหนือ เวียดนามกลาง จรดเวียดนามใต้ ดึงดูดให้อยากแบกเป้เที่ยวเวียดนามคนเดียวดูสักครั้ง พร้อมกับแผนประกันการเดินทางต่างประเทศ ที่จะช่วยให้คุณอุ่นใจทุกการเดินทาง
เพื่อความมั่นใจ เรามาตรวจสอบเส้นทางเข้าประเทศเวียดนามล่าสุด ที่เหมาะสมกับเวลาที่มีและแผนที่เลือกเดินทางกัน
- เดินทางโดยรถทัวร์ : เริ่มต้นการเดินทางเที่ยวเวียดนามกันที่จังหวัดมุกดาหาร เช็กอินครั้งที่ 1 ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองข้ามแม่น้ำโขง เข้าสู่เขตประเทศลาว มุ่งหน้าสู่ชายแดนลาว-เวียดนาม ด้วยเส้นทางเศรษฐกิจสายใหม่ หมายเลข 9 และเช็กอินครั้งที่ 2 กันที่ด่านลาวบาว ก็จะเข้าสู่เขตประเทศเวียดนามอย่างเต็มตัวและท่องเที่ยวตามแผนการเดินทางได้ต่อไป ข้อดีของการเดินทางเที่ยวเวียดนามด้วยตัวเองด้วยรถทัวร์คือ คุณจะได้ผ่อนคลายและเพลิดเพลินกับบรรยากาศ และมีโอกาสเจอเพื่อนร่วมเดินทางใหม่อีกด้วย
- เดินทางโดยรถไฟ : การเดินทางโดยรถไฟเป็นที่นิยมมากในเวียดนามเพราะเชื่อมต่อตั้งแต่ฮานอยถึงโฮจิมินห์ซิตี้ ตลอดสองข้างทางส่วนใหญ่เป็นวิวริมฝั่งแม่น้ำเลาะเลียบไปตามชายหาที่มีบรรยากาศธรรมชาติสุดร่มรื่น หากต้องการเดินทางโดยรถไฟจากกรุงเทพมหานคร ต้องแวะต่อรถทัวร์จากเสียมราฐ ปรเทศกัมพูชา ไปนครโฮจิมินห์ แล้วจึงต่อรถไฟภายในประเทศเวียดนามได้ อีกหนึ่งข้อดีของการท่องเที่ยวเวียดนามโดยรถไฟคือเราจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตและพื้นเพของผู้คน ไปพร้อมกับการเดินทาง และดีที่สุดถ้าพกแผนประกันการเดินทางต่างประเทศที่คุ้มครองได้ครอบคลุมมากขึ้น
- เดินทางโดยเครื่องบิน: เกือบทุกสายการบินสามารถมุ่งหน้าสู่นครโฮจิมินห์ได้โดยตรง แม้จะปิดกั้นการเดินทางมาเป็นเวลานาน แต่เพื่อความอุ่นใจ อย่าลืมพกประกันการเดินทางที่ให้ความคุ้มครองตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากบ้าน ไม่ว่าจะเข้าเขตสนามบินตรงสู่ปลายทางหรือต่อเครื่องก็พร้อมคุ้มครองคุณไปตลอดทั้งทริป
เมื่อเลือกวิธีการทางการเดินทางที่เหมาะสมกับแผนการเดินทางได้แล้ว มาดู 10 ที่เที่ยวเวียดนาม 2566 ที่บอกเลยว่ายิ่งเที่ยวเวียดนามด้วยตัวเองยิ่งไร้ข้อจำกัด เที่ยวเวียดนามทั้งทีต้องไม่พลาด
1.บานาฮิลล์-ดานัง (Ba Na Hill, Danang)
ที่นี่สวยงามราวกับอยู่บนหุบเขาแห่งสวรรค์ วิธีเดียวที่จะเข้าไปได้คือการขึ้นกระเช้าลอยฟ้าที่ยาวและสูงที่สุดในโลก ด้วยระยะทางกว่า 5,800 เมตร แต่ไม่ต้องกลัว เพราะธรรมชาติและความสวยงามของหุบเขาจะทำให้คุณยิ้มเพลินจนลืมความหวาดเสียวของการนั่งกระเช้าไปเลย ภายในบานาฮิลล์ยังมีสวนสนุก หมู่บ้านฝรั่งเศส และไฮไลท์สำคัญอย่างสะพานลอยฟ้า หรือ Golden Bridge สะพานขนาดใหญ่ถูกประคองโดยสองมือยักษ์ที่ไม่ว่ายังไงต้องมาเช็กอินให้ได้สักครั้ง
2.ฮอยอัน (Hoi An)
เมืองมรดกโลกที่สายท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมห้ามพลาดถ้าได้โอกาสไปเที่ยวเวียดนาม แม้จะเป็นเมืองเล็ก ๆ ทางตอนกลางของประเทศ แต่ฮอยอันยังคงรักษาเสน่ห์ของอาคาร บ้านเรือน และร้านค้าต่าง ๆ ที่มีมาตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15-19 ผสมผสานกับศิลปะและสถาปัตยกรรมของท้องถิ่นและจากต่างชาติไว้ได้เป็นอย่างดี นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้าไปตามตรอกซอกซอยเพื่อเลือกซื้อของ หรือเช่าจักรยานปั่นเพื่อเสพบรรยากาศและงานศิลปะฮอยอันก็ตอบโจทย์
3.ถ้ำซันดอง (Son Doong Cave)
ไฮไลท์ที่ 3 ของการเที่ยวเวียดนามไม่ควรลังเลที่จะปักหมุดถ้ำซันดอง ถ้ำโบราณที่เกิดจากกระแสน้ำกัดเซาะชั้นหินปูนที่อยู่ใต้ภูเขาสูง กลายเป็นสภาพแวดล้อมที่ธรรมชาติสรรค์สร้างได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ยืนหนึ่งเรื่องความสวยงามจนต้องเดินทางมาชมให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้จะซ่อนตัวอยู่ในหุบเขามานานกว่า 2-5 ล้านปี แต่กลับถูกสำรวจไปเพียง 30% เท่านั้น และสถานที่นี้ยังรอเหล่านักผจญภัยให้คอยค้นหา อย่างไรก็ตามถ้ำซันดองนั้นให้เข้าชมในช่วงเดือน มกราคม-สิงหาคม เพียงปีละ 500 คน เท่านั้น หากท่านใดต้องการไปเยือนควรต้องวางแผนให้ดีเพราะอาจต้องจองข้ามปีแน่นอน
4.ทะเลทรายมุยเน่ (Mui Ne)
ผืนทรายทอดยาวสุดลูกหูลูกตาที่มีสีสันมากกว่า 18 เฉด กินพื้นที่กว้างใหญ่ติดอันดับต้น ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนได้รับขนานนามให้เป็นเมืองแห่งทะเลทราย ทรงเสน่ห์ที่สุดในช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดินจะเห็นผืนทรายเป็นริ้วคลื่นอย่างชัดเจน และด้วยเอกลักษณ์นี้เองจึงทำให้มุยเน่กลายเป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมที่ต้องไปเช็กอินถ่ายรูปสวย ๆ มาเก็บไว้ในอัลบัมหากได้ไปเที่ยวเวียดนามด้วยตัวเองสักครั้ง
5.ฮาลองเบย์ (Ha Long Bay)
หรืออีกชื่อคือ อ่าวฮาลอง เป็นส่วนหนึ่งของอ่าวตังเกี๋ยอยู่ทางตอนเหนือไม่ไกลจากกรุงฮานอย ที่นี่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และทิวทัศน์อันน่ามหัศจรรย์ใจ มีชายฝั่งทอดยาวกว่า 120 กิโลเมตร เต็มไปด้วยเกาะหินปูนน้อยใหญ่ขึ้นอยู่ตามอ่าวกว่า 1,900 เกาะ สวยงามและน่าค้นหาจนยูเนสโกขึ้นทะเบียนไว้ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ เที่ยวเวียดนามทั้งที หากไม่ไปฮาลองเบย์ถือว่าพลาด
6.เกาะกั๊ตบา (Cat Ba Island)
เกาะขนาดใหญ่อันดับ 1 ของฮาลองเบย์ บนพื้นที่เกือบ 200 ตารางกิโลเมตร หากได้ลองมาสัมผัสกั๊ตบาจะพบความสวยงามให้ประทับใจตั้งแต่อ่าวหน้าหาดที่เป็นรูปครึ่งวงกลม รอบเกาะยังมีหมู่บ้านลอยน้ำของชาวประมงท้องถิ่นให้เยี่ยมชมพร้อมเรียนรู้วิถีชีวิตชาวเล พร้อมทั้งรับประทานอาหารทะเลกันแบบเต็มอิ่ม เพราะร้านอาหารส่วนใหญ่ของที่นี่เน้นไปทางอาหารทะเลซึ่งขึ้นชื่อเรื่องของความสด โดยเฉพาะหอยนานาชนิด พร้อมเพลิดเพลินไปกับลมทะเลพัดเย็นสบาย และทิวทัศน์ที่สวยงามรอบเกาะได้ทั้งวันตลอดเวลา
7.น้ำตกบ่านซก (Ban Gioc Waterfall)
เที่ยวเวียดนามมาแล้ว 6 ที่ ขอแนะนำพิกัดที่ 7 ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งคือ น้ำตกบ่านซก น้ำตกสีเขียวมรกตยิ่งใหญ่ตระการตาลดหลั่นสลับชั้น สมเป็นสุดยอดน้ำตกชายแดนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ตั้งอยู่บนเส้นชายแดนระหว่างประเทศจีนและประเทศเวียดนาม มีกิจกรรมยอดนิยมคือการล่องแพ
ซึ่งที่นี่มีบริการล่องแพพานักท่องเที่ยวไปสัมผัสบรรยากาศที่ร่มรื่นของน้ำตกอย่างใกล้ชิดได้ตลอดทั้งปี การเดินทางมาที่นี่อาจใช้เวลานานสักหน่อย เพราะต้องเดินทางผ่านเทือกเขาหลายชั้น แต่บรรยากาศที่ได้มาคุ้มค่ากับการไปเยือนแน่นอน
8.ปราสาทหมีเซิน (My Son Sanctuary)
โบราณสถานที่เต็มไปด้วยมนต์ขลัง ในรูปแบบสถาปัตยกรรมจากการก่อสร้างโดยใช้อิฐแบบโบราณ ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าภัทรวรมันที่ 1 ในศตวรรษที่ 4 สมบูรณ์แบบและเก่าแก่ที่สุดในแถบอินโดจีน อดีตเคยเป็นนครศักดิ์สิทธิ์และศูนย์รวมความศรัทธาแห่งอาณาจักรจามปา ตั้งอยู่บริเวณหุบเขาสูง สะท้อนความรุ่งโรจน์ในอดีตของเวียดนามได้ชัดเจน เชื่อว่าต้องถูกใจนักท่องเที่ยวที่หลงใหลศิลปะวัฒนธรรมอย่างแน่นอน
9.พระราชวังเว้ (Complex of Hue Monuments)
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของเวียดนามที่มีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ได้รับอิทธิพลสืบต่อมาจากประเทศจีน ทั้งสิ่งปลูกสร้าง การใช้สี สัญลักษณ์ ไปจนถึงรูปแบบอักษรภาษาจีนที่ ต่างออกไปอีกแบบ ตัวพระราชวังถูกออกแบบให้เป็นอาณาจักรของกษัตริย์ภายในป้อมปราการแน่นหนาถึง 3 ชั้น ในอดีต เว้ เคยเป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนามอยู่นานราว 400 ปี ที่นี่จึงเต็มไปด้วยร่องรอยของความรุ่งเรืองของระบอบกษัตริย์ มากด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไว้ตั้งแต่ปี 2536 เที่ยวเวียดนามครั้งนี้ยังไงก็ต้องไปให้ได้
10.หาดญาจาง (Nha Trang)
ปิดทริปเที่ยวเวียดนามด้วยตัวเองที่เมืองตากอากาศริมชายฝั่งทะเลที่เป็นมากกว่าชายหาด เพราะวันนี้ญาจางถูกเนรมิตให้มีชีวิตชีวา เหมาะกับการท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ เพราะที่นี่เต็มไปด้วยคาเฟ่ริมชายหาด อิ่มอร่อยกับนานาร้านอาหาร หรือเลือกเดินผ่อนคลายเลียบผืนทรายได้เช่นกัน ในบริเวณใกล้กันก็มีปราสาทแห่งอาณาจักรจามให้เรียนรู้ศิลปะโบราณ รวมถึงสวนสนุกขนาดใหญ่ และที่สำคัญ ค่าครองชีพที่นี่มีระดับใกล้เคียงกับประเทศไทย และสามารถเดินทางเชื่อมต่อถึงกันได้ด้วยรถโดยสารประจำทาง นอกจากนั้น ยังสามารถเดินทางไปได้ง่าย ไม่ไกลจากประเทศไทยมากนัก เพียงบินตรงจากประเทศไทยลงที่ท่าอากาศยานนานาชาติกามซัญ และเดินทางด้วยรถต่อไปอีกประมาณ 30 นาทีก็ถึงแล้ว
ประเทศเวียดนามยังมีสถานที่ให้นักท่องเที่ยวเลือกเดินทางไปสัมผัสอีกมากมาย แต่หากต้องการเดินทางท่องเที่ยวเวียดนามเกินกว่า 30 วัน นักท่องเที่ยวชาวไทยจำเป็นต้องขอวีซ่า พร้อมแนบแผนประกันการเดินทางต่างประเทศที่มีคุ้มครองาที่ตอบโจทย์ทริป ไม่ว่าจะทริปนี้หรือทริปไหน พกไปก็อุ่นใจได้เสมอ สนใจประกันภัยการเดินทาง โทร. 0 2611 4242